วัคซีนโควิด-19
คำถามที่พบบ่อย
ปรับปรุงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564
วัคซีนจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณป่วยจากโควิด-19 ได้ อีกทั้งยังช่วยให้เราสามารถยุติการแพร่ระบาดได้เร็วขึ้นด้วย
โควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงมาก โควิด-19 ได้คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วกว่า 400,000 ราย และเมื่อเปรียบเทียบกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลในปี 2562 ปรากฏว่าไข้หวัดใหญ่ได้คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปเพียง 34,000 รายเท่านั้น ดังนั้นหากคุณได้รับวัคซีนป้องกันโควิด ก็จะสามารถช่วยให้ทั้งตัวคุณเองและผู้อื่นปลอดภัยจากโควิด-19 มากยิ่งขึ้น
วัคซีนนั้นทำงานโดยช่วยให้ร่างกายของคุณสามารถจดจำไวรัสที่เป็นสาเหตุของโควิด-19 ได้ ดังนั้นเมื่อร่างกายของคุณรู้ว่า ไวรัสมีลักษณะอย่างไร ระบบป้องกันร่างกายของคุณจะสามารถต่อสู้กับไวรัสได้
โดยทั่วไปแล้ว ร่างกายของคุณจะสร้างโปรตีนที่เรียกว่าแอนติบอดีตามธรรมชาติ ซึ่งแอนติบอดีเหล่านี้จะคอยต่อสู้กับไวรัสอันตรายที่เข้าสู่ร่างกายของคุณ อย่างไรก็ตาม แอนติบอดีดังกล่าวจำเป็นต้องรู้ว่า มันจะต้องต่อสู้กับไวรัสชนิดใด ดังนั้นเมื่อมีไวรัสตัวใหม่ ๆ เข้าสู่ร่างกายของคุณ โดยที่แอนติบอดียังไม่รู้จักมัน ไวรัสดังกล่าวก็จะสามารถโจมตีร่างกายของคุณก่อนที่คุณจะต่อสู้กับมันได้ ซึ่งสิ่งที่วัคซีนจะทำก็คือ ฝึกร่างกายของคุณให้รู้จักไวรัสที่เป็นอันตราย แล้วสร้างแอนติบอดีที่เหมาะสมขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับมัน โดยไวรัสในวัคซีนนั้นจะเป็นไวรัสที่ตายแล้ว ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลว่าจะติดเชื้อโควิด-19 จากการรับวัคซีน
เราขอแนะนำให้ทุกคนที่อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปรับวัคซีน
อย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ คุณควรปรึกษาแพทย์เสียก่อน และไม่ควรรับวัคซีน หากคุณเคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรงต่อส่วนผสมใด ๆ ที่มีอยู่ในวัคซีน กรุณาปรึกษาแพทย์ของคุณ หากคุณมีประวัติอาการแพ้หรือมีข้อสงสัยใด ๆ
แน่นอนว่ามันปลอดภัย เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา หรือเอฟดีเอ (FDA) จะอนุมัติวัคซีนก็ต่อเมื่อพบว่า มันมีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพเท่านั้น และเพื่อให้วัคซีนได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ นักวิทยาศาสตร์ต้องทดสอบวัคซีนใหม่กับคนจำนวนมาก เพื่อให้แน่ใจว่ามันมีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากพอ
ชาวอเมริกันกว่า 40,000 รายได้รับการทดสอบด้วยวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) และอีกกว่า 30,000 รายได้รับการทดสอบด้วยวัคซีนจากบริษัทโมเดอร์น่า (Moderna) ซึ่งการทดสอบดังกล่าว ได้แสดงให้เห็นว่า วัคซีนเหล่านี้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพียงพอ ด้วยเหตุนี้ทางเอฟดีเอจึงอนุมัติวัคซีนที่ผลิตโดยไฟเซอร์และโมเดอร์น่าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน และกำลังมีการพิจารณาวัคซีนอื่นเพิ่มเติม เพื่อการอนุมัติและอาจมีการนำมาใช้ในอนาคต
วัคซีนใหม่แต่ละชนิดได้รับการทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิผล นี่เป็นเรื่องจริงสำหรับโครงการ Operation Warp Speed ซึ่งเป็นการเร่งการทดสอบวัคซีน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการทดสอบจะเร็วขึ้น แต่วัคซีนก็ดำเนินการผ่านขั้นตอนปกติทั้งหมด เพื่อรับรองความปลอดภัยของมัน
การทดสอบวัคซีนต้องดำเนินการผ่านสามขั้นตอนหลัก (ระยะที่ 1, ระยะที่ 2, และระยะที่ 3 ซึ่งเป็นการทดสอบทางคลินิก) สำหรับในระยะที่ 1 แพทย์จะให้วัคซีนแก่อาสาสมัคร การวิจัยขั้นนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณวัคซีนที่ต้องให้ และแนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน โดยในระยะที่ 1 นี้จะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่จะได้รับวัคซีน เนื่องจากมันยังเป็นวัคซีนที่ใหม่มาก และหากผลปรากฏว่ามันมีความปลอดภัยมากพอ ก็จะมีการทดสอบในระยะที่ 2 ต่อไป
ในระยะที่ 2 วัคซีนจะได้รับการทดสอบ เพื่อดูว่ามันทำงานได้ดีเพียงใด และเพื่อค้นหาผลข้างเคียงต่าง ๆ ซึ่งหากผลปรากฎว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากพอ ก็จะเข้าสู่การทดสอบระยะที่ 3
ในระยะที่ 3 จะมีการให้วัคซีนกับอาสาสมัครกว่า 30,000 ราย เพื่อหาข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน ในกลุ่มประชากรที่หลากหลายมากขึ้น
โดยปกติแล้ว การทดสอบทั้งสามระยะจะใช้เวลาหลายปี เนื่องจากต้องใช้เวลาในการจัดหาเงินทุนเพื่อทดสอบวัคซีน ยื่นเอกสาร และรับสมัครอาสาสมัคร อย่างไรก็ตาม โครงการ Warp Speed ได้ช่วยให้การวิจัยดำเนินไปได้เร็วขึ้น โดยการให้เงินทุนและเร่งกระบวนการด้านเอกสารให้เร็วขึ้น ดังนั้นวัคซีนจึงได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว เมื่อผลปรากฎว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากพอ
ในแต่ละรัฐ แต่ละเขต และแต่ละเมือง จะมีขั้นตอนการให้วัคซีนของตัวเอง โดยประชาชนจะถูกจัดลำดับความสำคัญตามอายุ อาชีพ และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคุณสามารถสอบถามแพทย์ นายจ้าง หรือหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ได้ ในขณะเดียวกันศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคก็มีเว็บไซต์ที่สามารถช่วยคุณค้นหาฝ่ายสาธารณสุขในพื้นที่ของคุณได้ด้วยเช่นกัน
https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/vaccines/index.html
แหล่งข้อมูลที่ถูกต้องที่ดีที่สุดก็คือ ผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณ หรือเว็บไซต์ของหน่วยงานด้านสุขภาพของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เช่น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) หรือหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐ/เขตในท้องถิ่น เป็นต้น
จะไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน วัคซีนที่ได้รับการรับรองจากเอฟดีเอแล้ว จะไม่ทำให้คุณติดโคโรนาไวรัส (หรือที่เรียกว่า SARS-CoV2) ที่เป็นสาเหตุของโควิด-19 อย่างแน่นอน
ไม่อย่างเด็ดขาด เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์น่า อาจสามารถสร้างผลข้างเคียงบางอย่างในบางคนได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อยได้แก่
- อาการปวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน หรือบริเวณกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ
- รู้สึกอ่อนเพลีย
- มีไข้เล็กน้อย
- ปวดศรีษะ
- มีอาการหนาวสั่น
ผลข้างเคียงมักไม่รุนแรงนัก แต่มักจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนขึ้น หลังจากการฉีดวัคซีนครั้งที่สอง โดยอาการส่วนใหญ่จะหายไปได้เองหลังจากผ่านไป 1-2 วัน
อย่างไรก็ตาม มีโอกาสอยู่บ้างเหมือนกันที่คุณอาจแพ้วัคซีน ดังนั้นหากคุณมีประวัติการแพ้ต่าง ๆ คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน
ใช่ แพทย์แนะนำให้คุณยังควรรับวัคซีนถึงแม้ว่าคุณจะติดโควิด-19 ไปแล้วก็ตาม เนื่องจากมีรายงานบางฉบับระบุว่า บางคนที่ป่วยจากโควิด-19 ไปแล้ว ก็ยังกลับมาป่วยด้วยโรคนี้อีกครั้งได้
อาจยังจำเป็นต้องรับวัคซีนอยู่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันดูเหมือนว่า วัคซีนจะปลอดภัยมากพอสำหรับสตรีมีครรภ์ แต่เราก็ยังไม่ทราบผลที่แน่ชัด และยังไม่มีงานวิจัยเพียงพอในประเด็นนี้ ซึ่งเราคงต้องทำงานในเรื่องนี้กันต่อไป
ดังนั้นโปรดปรึกษาแพทย์ของคุณ โดยทั้งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) และสมาคมสูตินรีแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (American College of Obstetricians and Gynecologists) ต่างระบุตรงกันว่า เป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล ซึ่งคุณสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/vaccines/recommendations/pregnancy.html
https://www.acog.org/covid-19/covid-19-vaccines-and-pregnancy-conversation-guide-for-clinicians
คุณยังควรทำเช่นนั้นอยู่ เพราะขณะนี้เรายังไม่ทราบว่า วัคซีนจะป้องกันคุณจากไวรัสได้นานเพียงใด วัคซีนบางชนิดอาจสร้างภูมิตลอดชีวิต แต่บางชนิดอาจสร้างภูมิให้คุณได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น จนกว่าเราจะรู้ว่า วัคซีนจะสร้างภูมิให้เราได้นานแค่ไหนเท่านั้น ดังนั้นเราจึงยังควรรักษาระยะห่างทางสังคม และยังคงสวมหน้ากากอนามัยกันต่อไป
อาจจะเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า วัคซีนโควิด-19 จะป้องกันการกลายพันธุ์บางรูปแบบได้ แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันว่า วัคซีนจะมีประสิทธิภาพน้อยลงกว่าเดิม ในการต่อต้านการกลายพันธุ์บางชนิด แต่แน่นอนว่าวัคซีนบางชนิดอาจใช้ได้ผลเป็นเวลานาน เช่นเดียวกับวัคซีนป้องกันโรคหัด แต่วัคซีนบางชนิดก็อาจมีผลในเวลาสั้น ๆ และจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น เช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แต่ตอนนี้ยังเร็วเกินไป ที่จะทราบได้อย่างแน่ชัดในเรื่องนี้
แต่อย่างไรก็ตาม การที่คุณได้รับวัคซีนในปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ยังคงดำเนินอยู่ และยิ่งมีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนมากเท่าใด เราก็จะสามารถควบคุมโรคระบาดได้เร็วขึ้นเท่านั้น
วัคซีนที่พัฒนาโดยโมเดอร์น่าและไฟเซอร์ มีประสิทธิภาพป้องกันไม่ให้คนป่วยด้วยโควิด-19 ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่า โอกาสที่คุณจะป่วยจากโควิด-19 ลดลงไปประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการที่คุณไม่เคยได้รับวัคซีนเลย อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสที่คุณจะป่วยเป็นโควิด-19 อยู่บ้างเหมือนกัน แม้ว่าคุณจะได้รับวัคซีนไปแล้วก็ตาม
แน่นอนว่าประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดอื่น ๆ อาจจะสูงกว่า หรือต่ำกว่าวัคซีนของโมเดอร์น่าและไฟเซอร์ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ คุณยังควรสวมหน้ากาก อีกทั้งควรล้างมือบ่อย ๆ และรักษาระยะห่างทางสังคมต่อไป จนกว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) จะยืนยันว่า คุณสามารถหยุดใช้ชีวิตปกติใหม่เช่นนี้ได้อย่างปลอดภัยแล้ว
เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่า วัคซีนเหล่านี้จะปลอดภัย และมีประสิทธิภาพเมื่อใช้กับเด็ก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาประเด็นนี้อยู่ ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เราอาจทราบได้แน่ชัดว่า วัคซีนเหล่านี้จะเหมาะกับเด็กวัยดังกล่าวหรือไม่
คุณสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของ CDC ได้ที่นี่:
https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/vaccines/8-things.html
https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/vaccines/facts.html
Disclaimer
The resources collected here are intended to provide basic information about COVID-19 to diverse communities. Please use the resources provided with caution. We do not endorse or assume responsibility for any information offered by third-party websites that are linked through this site. We strongly recommend consulting your personal health care providers and local officials for medical advice and guidelines. Due to the rapidly changing development of knowledge and guidelines around COVID-19, we have worked to confirm the origin of the links and resources to the best of our ability, but we know that some information provided may be out-of-date or incomplete. If you have any questions, please contact us at resources@aasc.ucla.edu or fill out our feedback form for suggestions.